ตะกร้า

วิธีการเลือก Power Supply (Power Supply Unit) ให้เหมาะกับคอมพิวเตอร์ และ มาตราฐาน 80 PLUS คืออะไร!?

วิธีการเลือก Power Supply (Power Supply Unit) ให้เหมาะกับคอมพิวเตอร์ และ มาตราฐาน 80 PLUS คืออะไร!?

Power supply หรือที่เรียกกันอีกอย่างว่า เพาเวอร์ซัพพลาย เป็นอุปกรณ์ที่ทำหน้าที่แปลงกระแสไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ให้เป็นกระแสไฟฟ้ากระแสตรง (DC) เพื่อจ่ายให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ในคอมพิวเตอร์ เช่น ซีพียู เมนบอร์ด ฮาร์ดดิสก์ แรม พัดลมระบายความร้อน เป็นต้น เรียกได้ว่า Power supply นั้น คือแหล่งพลังงานหลักที่สำคัญของคอมพิวเตอร์ก็ว่าได้

Power supply ทำงานโดยรับกระแสไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) จากเต้าเสียบไฟบ้าน ผ่านขดลวดเหนี่ยวนำและไดโอด เพื่อแปลงให้เป็นกระแสไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ในระดับแรงดันที่แตกต่างกันออกไป 3 ระดับหลักๆ คือ

12 โวลต์ : เป็นแรงดันไฟฟ้าหลักที่ใช้ในการจ่ายให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ในคอมพิวเตอร์ เช่น ซีพียู การ์ดจอ ฮาร์ดดิสก์ อุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ

5 โวลต์ : เป็นแรงดันไฟฟ้าที่ใช้สำหรับจ่ายให้กับอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ เช่น แรม พัดลมระบายความร้อน

3.3 โวลต์ : เป็นแรงดันไฟฟ้าที่ใช้สำหรับจ่ายให้กับอุปกรณ์ต่อพ่วงต่างๆ เช่น อุปกรณ์ต่อพ่วง USB

วิธีการเลือก power supply อย่างไร ถึงจะเหมาะกับคอม

การเลือกซื้อ Power supply นั้น จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังต่อไปนี้

ขนาดความจุ (Wattage) หมายถึง ความสามารถในการจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ในคอมพิวเตอร์ โดยขนาดความจุที่เหมาะสมนั้น ขึ้นอยู่กับสเปคของอุปกรณ์ต่างๆ ในคอมพิวเตอร์ ยิ่งอุปกรณ์มีสเปคสูง ก็ยิ่งต้องใช้ Power supply ที่มีขนาดความจุสูงมากขึ้น โดยขนาดความจุที่แนะนำสำหรับการใช้งานทั่วไปนั้น อยู่ที่ประมาณ 500-650W สำหรับคอมพิวเตอร์ที่ใช้งานทั่วไป เช่น คอมพิวเตอร์สำหรับทำงาน เรียนออนไลน์ หรือเล่นเกมทั่วไป หากเป็นคอมพิวเตอร์สำหรับเล่นเกมระดับกลางหรือระดับสูง ก็ควรใช้ Power supply ที่มีขนาดความจุตั้งแต่ 750W ขึ้นไป

ยกตัวอย่าง

สมมติว่าเรามีคอมพิวเตอร์สเปคดังนี้

ซีพียู : Intel Core i7-12700K

การ์ดจอ : NVIDIA GeForce RTX 3080

แรม : 32GB

ฮาร์ดดิสก์ : SSD 2TB

จากสเปคดังกล่าว เราสามารถคำนวณขนาดความจุ Power supply ที่ต้องการได้ดังนี้

ขนาดความจุ Power supply = กำลังไฟของซีพียู + กำลังไฟของการ์ดจอ + กำลังไฟของแรม + กำลังไฟของฮาร์ดดิสก์

ขนาดความจุ Power supply = 125W + 320W + 16W + 10W = 471W

ดังนั้น คอมพิวเตอร์สเปคดังกล่าว จำเป็นต้องใช้ Power supply ที่มีขนาดความจุอย่างน้อย 471W

มาตรฐาน 80+ เป็นมาตรฐานการวัดประสิทธิภาพในการจ่ายไฟของ Power supply โดยมาตรฐาน 80+ นั้น แบ่งออกเป็น 5 ระดับด้วยกัน โดยระดับที่สูงขึ้นจะมีประสิทธิภาพในการจ่ายไฟที่ดีขึ้น ระดับต่างๆ ของมาตรฐาน 80+ มีดังนี้

80+ White : มีประสิทธิภาพในการจ่ายไฟที่ 80% ที่โหลด 20%, 50% และ 100%

80+ Bronze : มีประสิทธิภาพในการจ่ายไฟที่ 82% ที่โหลด 20%, 50% และ 100%

80+ Silver : มีประสิทธิภาพในการจ่ายไฟที่ 85% ที่โหลด 20%, 50% และ 100%

80+ Gold : มีประสิทธิภาพในการจ่ายไฟที่ 87% ที่โหลด 20%, 50% และ 100%

80+ Platinum : มีประสิทธิภาพในการจ่ายไฟที่ 89% ที่โหลด 20%, 50% และ 100%

ประสิทธิภาพในการจ่ายไฟ (Power Efficiency) หมายถึง อัตราส่วนของกำลังไฟที่จ่ายให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ในคอมพิวเตอร์ต่อกำลังไฟที่รับมาจากเต้าเสียบไฟบ้าน โดยประสิทธิภาพในการจ่ายไฟที่สูงขึ้นจะหมายถึงการสูญเสียกำลังไฟที่น้อยลง ซึ่งจะส่งผลให้ประหยัดพลังงานและลดความร้อนที่เกิดจาก Power supply

ตัวอย่าง

หาก Power supply มีขนาดความจุ 500W และมีประสิทธิภาพในการจ่ายไฟที่ 80% หมายความว่า Power supply นี้จะจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ในคอมพิวเตอร์ได้จริงเพียง 400W เท่านั้น ส่วนอีก 100W ที่เหลือจะสูญเสียไปในรูปแบบของความร้อน

การเลือกซื้อ Power supply นั้น จำเป็นต้องพิจารณาปัจจัยต่างๆ ดังที่กล่าวมาข้างต้น เพื่อให้ได้ Power supply ที่มีประสิทธิภาพเพียงพอต่อการใช้งานและมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน นอกจากปัจจัยต่างๆ ที่กล่าวมาแล้วข้างต้นแล้ว การเลือกซื้อ Power supply นั้น ยังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ต้องพิจารณาเพิ่มเติม เช่น

อายุการใช้งาน : Power supply ที่ดีควรมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน โดยปกติแล้ว Power supply จะมีอายุการใช้งานประมาณ 5-10 ปี

เสียงรบกวน : Power supply บางรุ่นอาจมีเสียงรบกวนรบกวนขณะใช้งาน หากต้องการ Power supply ที่เงียบ ควรเลือกรุ่นที่มีเสียงรบกวนต่ำ

ระบบระบายความร้อน : Power supply ควรมีระบบระบายความร้อนที่ดี เพื่อไม่ให้อุณหภูมิสูงเกินไป และส่งผลให้ Power supply เสื่อมสภาพเร็วขึ้น

เเละสุดท้าย Power supply ที่ดีนั้น ช่วยให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย โดยมีประโยชน์ดังต่อไปนี้

-ช่วยให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่างราบรื่น Power supply ที่ดี จะช่วยจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ในคอมพิวเตอร์อย่างเพียงพอและสม่ำเสมอ ซึ่งจะช่วยให้คอมพิวเตอร์ทำงานได้อย่างราบรื่น ไม่สะดุด ไม่เกิดปัญหาต่างๆ เช่น การรีสตาร์ทเอง หน้าจอค้าง เป็นต้น

-ช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ต่างๆ ในคอมพิวเตอร์ Power supply ที่ดี จะช่วยจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์ต่างๆ ในคอมพิวเตอร์อย่างเหมาะสม ไม่ทำให้อุปกรณ์ต่างๆ ได้รับความเสียหาย ซึ่งจะช่วยยืดอายุการใช้งานของอุปกรณ์ต่างๆ ในคอมพิวเตอร์

-ช่วยประหยัดพลังงาน Power supply ที่ดี มีประสิทธิภาพในการจ่ายไฟที่ดี ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดพลังงานมากขึ้น โดย Power supply ที่มีมาตรฐาน 80+ Bronze ขึ้นไป มีประสิทธิภาพในการจ่ายไฟที่ 82% ขึ้นไป ซึ่งหมายความว่า Power supply เหล่านี้ จะสูญเสียกำลังไฟไปเพียง 18% เท่านั้น